เผยแพร่: ปรับปรุง: โดย: ผู้จัดการออนไลน์
บุรีรัมย์- สาวใหญ่วัย 46 ปี ชาวละหานทราย จ.บุรีรัมย์ น้ำตาตกร้องขอความเป็นธรรม อ้าง ผญบ.ใช้อำนาจเกินเหตุให้คนอื่นนำรถแบ็กโฮไถมาบุกรุกปรับที่นาตัดโค่นต้นไม้อายุกว่า 30 ปี ขยายถนนโดยพละการ ทั้งที่ไม่ยินยอม แถมเรียกไปรุมด่าขับไล่ออกจากหมู่บ้านเพียงเพราะไม่ยอมสละที่ดิน ด้าน ผญบ.ยันทำประชาคมถูกต้องและผู้ร้องรับรู้เพราะเคยเป็นอดีตผู้ช่วย ผญบ. ปัดไม่ได้ไล่ออกจากหมู่บ้าน
วันนี้ (22 มิ.ย. ) นางฐิตารัตน์ นุขัน อายุ 46 ปี ชาวบ้าน ต.ตาจง อ.ละหานทราย จ.บุรีรัมย์ ได้นำหลักฐานหนังสือที่ได้รับอนุญาตให้ทำประโยชน์ในเขตปฏิรูปที่ดิน (สปก.) จำนวน 2 แปลง ซึ่งเป็นของแม่ 20 ไร่ และของตนเอง 3 ไร่ รวมเนื้อที่ทั้งหมด 23 ไร่ ออกมาร้องขอความเป็นธรรม โดยอ้างว่าผู้ใหญ่บ้าน (ผญบ.) ได้ใช้อำนาจเกินกว่าเหตุ กรณีที่เมื่อประมาณต้นเดือน มิ.ย.ที่ผ่านมา ผู้ใหญ่บ้านได้ให้บุคคลอื่นนำรถไถไปไถปรับที่นาของตนเอง และของแม่ซึ่งอยู่แปลงติดกัน ทั้งยังใช้เครื่องจักรตัดโค่นต้นพะยอมขนาดใหญ่อายุ 30 ปี ออกจากที่นาโดยไม่ได้รับอนุญาต เพื่อทำการขยายถนนโดยอ้างว่าเป็นโครงการพัฒนาหมู่บ้าน ทั้งที่ไม่ได้รับความยินยอมจากตนเองและผู้เป็นแม่ซึ่งเป็นเจ้าของที่ดินดังกล่าว มารู้อีกทีเมื่อวันที่ 14 มิ.ย.ที่ผ่านมา ตอนที่ชาวบ้านไปบอกว่าถนนที่นาใกล้เสร็จแล้วนะ
ตนงงมากว่าถนนอะไรเพราะช่วงที่เขาทำตนไม่สบายไม่ได้ออกไปดูนา ส่วนแม่ก็ไปอยู่กับญาติที่กรุงเทพฯ ไม่มีใครรู้เรื่องเลย จึงรีบขับรถออกไปดูนาก็ต้องตกใจเมื่อเห็นเครื่องจักรกำลังปรับที่นาทั้งแปลงของตนและของแม่ขยายเป็นถนนความกว้างประมาณ 6 เมตรยาว 100 เมตร ทั้งยังมีการโค่นต้นไม้ขนาดใหญ่ออกอีก 2 ต้น ตนจึงเดินไปถามคนขับรถแบ็กโฮที่กำลังทำเขาบอกว่า ผญบ.บอกให้มาทำการขยายถนน ต้องไปถาม ผญบ.เอง ตกเย็นจึงรีบไปบ้าน ผญบ. แต่ไม่เจอมีเพียงภรรยาผู้ใหญ่อยู่ เมียก็บอกว่าไม่รู้เรื่องต้องถามกับตัวผู้ใหญ่เอง
ตอนนั้นยอมรับว่าไม่พอใจที่ผู้ใหญ่บ้านทำอะไรโดยไม่ขออนุญาต จึงเดินทางไปโรงพักเพื่อจะแจ้งความว่าถูกบุกรุกที่ดินทำกินและตัดต้นไม้ หลังจากนั้น 2-3 วัน ผู้ใหญ่บ้านให้คนมาเรียกที่บ้าน ให้ไปคุยกันที่บ้าน สท. พอไปถึงทั้ง ผญบ. ผู้ช่วย ผญบ. , เมียผู้ช่วย , สท. และชาวบ้านอีก 7 – 8 คน พากันรุมต่อว่าตนเอง ว่าทำไมเป็นคนเห็นแก่ตัว ไม่รู้จักเสียสละเพื่อส่วนรวมบ้าง และตนได้ยินผู้ใหญ่พูดว่าถ้าไม่เสียสละก็ไปอยู่ที่อื่นเลยไปไม่ต้องมาอยู่หมู่บ้านนี้
ตนรู้สึกเสียใจมากเพราะความจริงที่ดินเป็นของตนเองกับแม่ ก่อนหน้านี้เคยเสียสละที่ดินอีกฝั่งให้ทำถนนสาธารณะแล้ว แต่ยังจะมาบีบบังคับให้สละที่ขยายถนนอีกพอไม่ยินยอมก็จะไล่ออกจากหมู่บ้าน ถึงกับน้ำตาตกที่ถูกผู้นำหมู่บ้านทำแบบนี้
จากกรณีดังกล่าวตนอยากให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ตรวจสอบพฤติกรรมของผู้ใหญ่บ้านว่าใช้อำนาจเกินเหตุหรือไม่ หากผิดจริงก็ว่าไปตามกระบวนการ ส่วนที่นาที่เขาไถปรับขยายถนนโดยพละการ ได้นำป้ายข้อความว่า “ถนนส่วนบุคคล ห้ามเข้าก่อนใด้รับอนุญาต ฝ่าฝืนปรับหนึ่งแสนบาท” เพราะไม่อนุญาตให้ใครขับรถผ่านเข้า-ออก
ด้าน นายทำนอง สุทธิ ผู้ใหญ่บ้านที่ถูกร้องเรียน ชี้แจงว่า การขยายถนนเส้นดังกล่าวได้มีการทำประชาคมลูกบ้านและผู้เกี่ยวข้อง ตั้งแต่วันที่ 15 มิถุนายน 2562 โดยมีการประชุมเพื่อเสนอแผนให้กับเทศบาลตำบลตาจง ในการขยายถนนตามแผนพัฒนาหมู่บ้าน โดยมีผู้ร่วมประชุมทั้งหมด 96 คน มีรายชื่อเซ็นเข้าร่วมประชุมทุกคน รวมถึงผู้ร้องเรียนด้วย ซึ่งขณะนั้นผู้ร้องก็ดำรงตำแหน่งเป็นผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้าน และเป็นหนึ่งในคณะกรรมการด้วย
กระทั่งเมื่อเดือน มิ.ย.ที่ผ่านมา ได้รับงบประมาณจากกรมพัฒนาที่ดินมาทำการขยายถนน ซึ่ง นางฐิตารัตน์ ผู้ร้องที่ขณะนั้นยังดำรงตำแหน่งเป็นผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้าน และทำหน้าที่เป็นเลขานุการฯ ก็ได้ร่วมทำแผนงานดังกล่าวด้วยกัน แต่พอขยายถนนเสร็จ กลับบอกว่าไม่ได้ยินยอมและไม่รู้เรื่องโครงการดังกล่าวได้อย่างไร เพราะตอนประชุมประชาคมก็ยังลงชื่อด้วย มีเอกสารหลักฐานยืนยันทั้งหมด
ส่วนที่กล่าวหาว่าตนไล่ให้ออกจากหมู่บ้านนั้น ยืนยันว่าไม่ได้ไล่ ซึ่งตอนนั้นมีชาวบ้านอยู่ด้วยหลายคน อาจจะมีการโต้เถียงกันบ้างเรื่องที่ผู้ร้องไม่ยอมสละที่ให้ขยายถนนเพื่อส่วนร่วม ซึ่งตนเป็นผู้ใหญ่บ้านมา 11 ปี ไม่เคยใช้อำนาจเกินกว่าเหตุ มุ่งหน้าทำหน้าที่พัฒนาหมู่บ้านมาตลอด แต่ถ้าผู้ร้องไม่ยินยอมให้ใช้พื้นที่เป็นถนนในการสัญจรร่วมกัน ตนได้แจ้งให้ชาวบ้านรับทราบแล้ว จะได้ไม่เกิดปัญหาตามมาในภายหลัง ทั้งที่จริงแล้วถนนบางส่วนเป็นทางเดินเก่าอยู่แล้ว แค่ไปขยายต่อให้กว้างขึ้นเท่านั้น