สนามข่าว 7 สี – ชายอายุ 62 ปี ผู้เป็นตา เหลืออดกับพฤติกรรมหลานชายแท้ ๆ มีนิสัยชอบดื่มสุราเมาหัวราน้ำ ล่าสุดมารีดไถขอเงินแล้วไม่ได้ดั่งใจ พาลอาละวาดชนิดที่เรียกว่าบ้านแทบแตก ทำให้ผู้เป็นตาโมโหคว้าท่อนไม้ตีหลานจนเสียชีวิต
เหตุสลดนี้เกิดที่บ้านหลังหนึ่งในตำบลถาวร อำเภอเฉลิมพระเกียรติ จังหวัดบุรีรัมย์ โดยหลังจากชายอายุ 62 ปี ก่อเหตุใช้ท่อนไม้ตีชายอายุ 21 ปี ซึ่งเป็นหลานแท้ ๆ จนได้รับบาดเจ็บสาหัส และต่อมาทราบว่าหลานได้เสียชีวิตแล้วที่โรงพยาบาล จึงเดินทางเข้ามอบตัวกับตำรวจ สภ.ถาวร โดยให้การรับสารภาพว่า ช่วงเช้ามืดของวันที่ 23 ธันวาคมที่ผ่านมา ตอนนั้นตนเองและภรรยากำลังนอนหลับพักผ่อนอยู่ในบ้านอย่างสบายอุราเลย
จู่ ๆ หลานชายมาหาที่บ้านในสภาพเมาสุรา โดยมาขอเงินจำนวน 500 บาท บอกว่าจะนำไปซื้อสุราดื่มต่ออีก แต่ตนเองไม่มีเงิน จึงให้ได้แค่ 100 บาทเท่านั้น กลับทำให้หลานชายไม่พอใจ พาลอาละวาดและพูดจาข่มขู่ว่า “เดี๋ยวจะทุบทำลายรถยนต์ของลูกสาว ที่นำมาจอดไว้บริเวณบ้านให้พังเสียหายให้หมด จะได้ไม่มีรถขับไปทำงานกัน” เมื่อได้ยินคำนี้ ชายอายุ 62 ปี ถึงกับโมโหจนเลือดขึ้นหน้า ไปคว้าท่อนไม้มาตีหลานชาย แต่คาดไม่ถึงว่าจะทำให้หลานบาดเจ็บและเสียชีวิต
หลังเกิดเหตุ ช่วงสายวานนี้ (23 ธ.ค.) ตำรวจควบคุมตัวชายอายุ 62 ปี ผู้ก่อเหตุไปทำแผนประกอบคำรับสารภาพยังจุดเกิดเหตุ โดยระหว่างนี้ตำรวจและทีมข่าวลงพื้นที่ได้พบกับแม่ของผู้เสียชีวิตด้วย โดยเธอให้ข้อมูลว่า ลูกชายมีนิสัยเกเรก้าวร้าว เอาแต่ใจตัวเองมาแต่ไหนแต่ไรแล้ว ถ้าต้องการอะไรโดยเฉพาะถ้ามาขอเงินแล้วไม่ได้ จะพาลหาเรื่องทุบทำลายข้าวของในบ้านพังเสียหาย และมีพฤติกรรมก้าวร้าวหนักขึ้น ถึงขั้นลงมือทำร้ายคนในครอบครัวมานับครั้งไม่ถ้วน จากพฤติกรรมดังกล่าวทำให้คนในบ้านวาดกลัว พอลูกชายมาเอ่ยปากขออะไร จึงต้องรีบจัดหามาให้จงได้ ไม่อย่างนั้นจะถูกทำร้าย
กระทั่งมาคราวนี้ทราบว่าลูกชายเทียวเข้า-ออกบ้าน โดยมาไถเงินจากพ่อและแม่ของเธอ ตั้งแต่เช้ายันเย็นวันที่ 22 ธันวาคมที่ผ่านมา จนรุ่งเช้าของอีกวัน (23 ธ.ค.) ก็ยังไม่หยุดพฤติกรรม ยังเทียวมาขอเงินอีก คาดว่าครั้งนี้พ่อของเธอคงเหลืออด ทนไม่ไหวแล้วจริง ๆ ทำให้พลั้งมือก่อเหตุ และเชื่อว่าเหตุการณ์นี้พ่อคงเสียใจอย่างมาก เนื่องจากเป็นหลานที่รัก และเลี้ยงดูมากับมือตั้งแต่ยังแบเบาะ
เหตุความสูญเสีย ไม่ว่าครอบครัวไหน ก็คงไม่อยากให้เกิดขึ้นกับครอบครัวตัวเอง และถึงแม้ว่าญาติพี่น้องจะให้การยืนยันไปในทิศทางเดียวกัน โดยเอ่ยถึงพฤติกรรมต่าง ๆ นานา ที่ผู้เสียชีวิตได้เคยกระทำเอาไว้กับคนในครอบครัว เป็นสาเหตุให้ผู้เป็นก่อเหตุเหลืออด จำเป็นต้องป้องกันตัว แต่อย่างไรก็ตามพนักงานสอบสวน สภ.ถาวร ต้องแจ้งข้อหาเอาผิดชายอายุ 62 ปี ฐานทำร้ายร่างกายผู้อื่นจนเป็นเหตุให้ถึงแก่ความตาย จากนั้นได้ปล่อยตัวชั่วคราว เนื่องจากผู้ก่อเหตุเข้ามอบตัวด้วยตัวเอง และไม่มีพฤติกรรมหลบหนี