(10 ส.ค.64) โรงพยาบาลเฉลิมพระเกียรติ จังหวัดบุรีรัมย์ ได้ขอรับบริจาคไม้ฟืน และถ่านจำนวนมาก เพื่อส่งมอบต่อให้กับทางสำนักสงฆ์ไตรภูมิ บ้านหนองหิน ต.ถาวร อ.เฉลิมพระเกียรติ ใช้สำหรับเป็นเชื้อเพลิงในการเผาขยะติดเชื้อของผู้ป่วยโควิด-19 ทั้งจากของผู้ป่วยในโรงพยาบาลเฉลิมพระเกียรติ โรงพยาบาลสนามโรงเรียนพนมรุ้ง และศูนย์พักคอย นพค.52 ที่มีปริมาณขยะรวมกันเฉลี่ยวันละกว่า 600 กิโลกรัม และขณะนี้มีปริมาณขยะติดเชื้อสะสมอยู่กว่า 2 ตัน หรือ 2,000 กิโลกรัมที่ยังไม่ได้กำจัด เนื่องจากบริษัทเอกชนที่รับกำจัดขยะติดเชื้อของโรงพยาบาลทั้ง 23 อำเภอในพื้นที่จังหวัดบุรีรัมย์ หมุนเวียนมารับขยะไปกำจัดไม่ทันเนื่องจากขยะติดเชื้อในแต่ละพื้นที่มีเพิ่มมากขึ้น ทำให้วงรอบที่จะหมุนเวียนมารับขยะติดเชื้อของ รพ.ต่างๆ ต้องล่าช้าออกไป ดังนั้นเพื่อไม่ให้เกิดปัญหาขยะติดเชื้อสะสมในโรงพยาบาล จึงได้ประสานทางสำนักสงฆ์เพื่อขอความอนุเคราะห์ใช้เมรุทำการเผาทำลายขยะติดเชื้อดังกล่าว แต่ยังขาดแคลนไม้ฟืน และถ่านที่จะเป็นเชื้อเพลิง ทางโรงพยาบาลจึงได้เปิดขอรับบริจาคฟืน และถ่าน
สิบเอก ยศนนท์ จอยเอกา นักจัดการงานทั่วไปปฏิบัติการ กลุ่มงานบริหารทั่วไป รพ.เฉลิมพระเกียรติ บอกว่า ปกติจะมีบริษัทเอกชนมารับขยะติดเชื้อจากโรงพยาบาลไปทำลาย แต่เนื่องจากช่วงนี้ปริมาณขยะของโรงพยาบาลทั้ง 23 อำเภอที่บริษัทเอกชนรับผิดชอบนำไปทำลาย มีปริมาณมากขึ้นเพราะมีขยะติดเชื้อจาก รพ.สนาม และศูนย์พักคอยด้วย ทำให้เกิดปัญหาขยะติดเชื้อสะสม ดังนั้นเพื่อลดปริมาณขยะติดเชื้อไม่ให้สะสมอยู่นาน ทาง รพ.จึงประสานขอใช้เมรุเผาศพของสำนักสงฆ์ไตรภูมิ เพื่อใช้สำหรับเผาทำลายขยะติดเชื้อ แต่ยังขาดแคลนเรื่องท่อนฟืนหรือถ่าน จึงอยากขอริจาคฟืนหรือถ่านจากประชาชน เพื่อลดปัญหาขยะติดเชื้อสะสมใน รพ. ซึ่งหากท่านใดอยากบริจาคให้ติดต่อมาที่โรงพยาบาลเฉลิมพระเกียรติได้โดยตรง หรือนำมาบริจาคที่โรงพยาบาลโดยตรงซึ่งจะมีจุดรับบริจาคอยู่
ด้านพระอาจารย์วิทยา มหาวุฒโธ ประธานสงฆ์ สำนักสงฆ์วัดไตรภูมิบ้านหนองหิน บอกว่า ภายหลังเจ้าหน้าได้มาติดต่อเพื่อขอใช้สถานที่เมรุเผาศพเพื่อใช้ในการเผากำจัดขยะติดเชื้อ ทางสำนักสงฆ์ก็พร้อมให้ความร่วมมือ เพราะวัดหรือสำนักสงฆ์ก็เป็นศูนย์กลางในการช่วยบรรเทาทุกข์ ให้กับชาวบ้านและหน่วยงานอยู่แล้ว เพียงแต่ยังขาดแคลนฟืน หรือถ่านที่จะใช้เป็นเชื้อเพลิงในการเผา จึงอยากฝากให้ญาติโยมมาร่วมกันบริจาคฟืน ถ่าน และน้ำมัน โดยจะทำการเผาให้ในวันอังคารและวันศุกร์ เพื่อให้เตาเผาได้พักไม่เกิดความร้อนมากจนเกินไป ประกอบกับเมรุก็เพิ่งสร้างเสร็จได้ไม่นาน