สถานการณ์วันนี้ชัดเจนแล้วว่า “พี่น้อง 3 ป” ผนึกกำลังลุยจัดการปัญหาวัคซีนการเมือง ชนิดไม่เกรงใจใคร พรรคไหนที่เล่นเกมถอนตัว ก่อนที่กระแสวัคซีนโควิดจะตีกลับจนเอาไม่อยู่
ปัญหาโควิดและการกระจายวัคซีน กำลังลุกลามมาเป็นปัญหาการเมือง เมื่อบรรดา ส.ส.พรรคพลังประชารัฐ ออกโรงตั้งโต๊ะแถลง เรียกร้องให้นายกรัฐมนตรี รื้อแผนกระจายวัคซีนโควิดใหม่ โดยให้น้ำหนักกับจังหวัดที่มีการระบาดรุนแรง
การเคลื่อนไหวของพลังประชารัฐ นำโดย สรวุฒิ เนื่องจำนงค์ สะถิระ เผือกประพันธุ์ 2 ส.ส.ชลบุรี สุชาติ อุสาหะ กฤษณ์ แก้วอยู่ สาธิต อุ๋ยตระกูล ส.ส.เพชรบุรี กรุงศรีวิไล สุทินเผือก และไพลิน เทียนสุวรรณ ส.ส.สมุทรปราการ วันชัย ปริญญาศิริ พยม พรหมเพชร ส.ส.สงขลา เพราะไม่พอใจกับจำนวนวัคซีนที่ได้รับจัดสรร ทั้งที่ ชลบุรี สมุทรปราการ เพชรบุรี เป็นจังหวัดที่มีผู้ติดเชื้อรายใหม่สูงติด 10 อันดับแรกของประเทศ
รวมถึงเหตุผลสำคัญคือบรรดาผู้แทนราษฎรของพลังประชารัฐ ตอบชาวบ้านไม่ได้ว่า วัคซีนจะมาและได้ฉีดกันเมื่อไหร่ เมื่อดูจากตัวเลขการจัดสรร ล่าสุด เช่น เพชรบุรี ที่มีผู้ติดเชื้อสะสมกว่า 3,482 คน ยังไม่นับผู้ที่รอผลตรวจอีกจำนวนมาก ซึ่งอาจมีผู้ติดเชื้อเพิ่มขึ้นอีกนั้น
ตามข้อมูลหนังสือชี้แจงแนวทางให้บริการวัคซีนโควิด-19 แบบปูพรมทั่วประเทศ โดยเฉพาะในพื้นที่ระบาด จากอธิบดีกรมควบคุมโรคที่ส่งถึงผู้ว่าฯทุกจังหวัดเมื่อ 18 พ.ค.256 พร้อมกับแนบแผนจัดสรรวัคซีนแอสตร้าเซนเนก้าตั้งแต่ มิ.ย.-ก.ย. ทาง“เพชรบุรี”ได้รับจัดสรรวัคซีนเดือน มิ.ย.เพียง 24,000 โดส ขณะที่ “ชลบุรี”ซึ่งมีผู้ติดเชื้อสะสม กว่า 4,341 คน ได้รับจัดสรรวัคซีนในเดือนมิ.ย. 54,000 โดส สมุทรปราการ ยอดติดเชื้อสะสม กว่า 5,681 คน ได้รับจัดสรรวัคซีนเดือนมิ.ย. 237,000 โดส ดูไม่สอดคล้องกับสถานการณ์การระบาดอย่างยิ่ง และยังมีผู้เสียชีวิตอย่างต่อเนื่อง
โดยเฉพาะเมื่อเทียบกับ“บุรีรัมย์” ที่มีผู้ติดเชื้อสะสม 186 คน (ข้อมูลเมื่อ 26 พ.ค.) และย้อนหลังไป1สัปดาห์ พบว่าบางวันไม่มีผู้ติดเชื้อเพิ่มแม้แต่รายเดียว แต่กลับได้รับการจัดสรรวัคซีนล็อตเดือน มิ.ย.ถึง 43,000 โดส มากกว่าที่เพชรบุรี ซึ่งสถานการณ์แทบจะอยู่ในขั้นวิกฤติ
นี่จึงเป็นเหตุผลที่ทำให้พลังประชารัฐ ออกมาเรียกร้องนายกฯ เพื่อกระทบชิ่งไปถึง“บุรีรัมย์” และเมื่อดูตัวเลขการจัดสรรเดิม ที่บุรีรัมย์จะได้รับในเดือนก.ค. 341,000 โดส ส.ค.234,000 โดส และ ก.ย. 447,000 โดส ทำให้จังหวัดอื่นมีคำถามมากมาย
ก่อนหน้านี้ หลายคนในพลังประชารัฐมีข้อสังเกตว่าอาจมีวัคซีนล่องหนจำนวนหนึ่งไปยังจังหวัดใดจังหวัดหนึ่งหรือไม่ เพราะยังไม่มีหลักฐานชัดเจน
รวมถึงการเปิดพื้นที่ให้ฉีดวัคซีน ในบุรีรัมย์ ที่แทบจะเรียกได้ว่า เป็นการวอล์คอิน ให้ชาวบ้านมาฉีดให้มากที่สุด นั่นถือเป็นเรื่องดี ที่หากแต่ละจังหวัดจะทำเช่นนั้นได้
ทว่าความเป็นจริง หลายจังหวัดระบาดหนักกว่าหลายเท่า และวัคซีนก็มีจำกัด จำเป็นต้องให้จังหวัดที่ระบาดรุนแรงก่อนหรือไม่ ตรงนี้เป็นเรื่องที่คนในพลังประชารัฐ คาใจมานาน
จริงอยู่ว่า บุรีรัมย์ อาจจะอ้างเรื่องการเตรียมเป็นเจ้าภาพจัดแข่ง MotoGP ในช่วงเดือนต.ค.นี้ เพื่อดึงเม็ดเงินเข้าประเทศ จึงต้องฉีดเพื่อสร้างภูมิคุ้มกันหมู่ ให้เกิดความมั่นใจ
หาก ชลบุรี สมุทรปราการ เพชรบุรี ก็ล้วนแต่เป็นพื้นที่ที่เต็มไปด้วยโรงงานอุตสาหกรรม แหล่งท่องเที่ยว และพื้นที่การเกษตร สร้างรายได้ให้ประเทศไม่น้อยกว่ากัน บางจังหวัดรวมแล้วอาจจะมากกว่าบุรีรัมย์ด้วยซ้ำ ทำไมไม่แก้ปัญหาเฉพาะหน้าก่อน ในส่วนของบุรีรัมย์ ยังมีเวลาอีกหลายเดือน และสถานการณ์การระบาดในจังหวัดตอนนี้ ค่อนข้างนิ่งควบคุมได้
ล่าสุด นายกฯ อยู่ไม่ติด ออกมารับลูก “พลังประชารัฐ” สั่งจัดสรรวัคซีนโดยใช้เกณฑ์ใหม่ ต้องเพิ่มโควตาให้จังหวัดที่ติดเชื้อสูงเพื่อควบคุมโรค พิจารณาจากความสำคัญเชิงเศรษฐกิจ สังคม และกลุ่มเสี่ยง เช่น แรงงาน จากเดิมที่จัดสรรให้ตามยอดจอง บางจังหวัดได้ไปมาก ทั้งที่ผู้ติดเชื้อน้อย
การตัดสินใจของ พล.อ.ประยุทธ์ ครั้งนี้ ถือเป็นการหักนักการเมืองที่แอบล้วงลูกบริหารจัดการวัคซีนจนบานปลายกลายเป็นปัญหา และตัดสินใจนับหนึ่งใหม่ ดึงกลไก “มหาดไทย” ของทีมพี่น้อง 3 ป คือ ป.ป๊อก พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา มท.1 เข้ามากำหนดพื้นที่ พร้อมกับการใช้กลไก ศบค.ที่ พล.อ.ประยุทธ์ มีอำนาจสูงสุด สั่งการฝ่ายข้าราชการประจำเอง โดยไม่ให้รับใบสั่งนักการเมือง
ขณะเดียวกัน “ป.ป้อม” พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ก็เพิ่งออกโรง เรียกประชุมใหญ่ฝ่ายความมั่นคง และทุกหน่วยงานให้เร่งแก้ปัญหาแรงงานเถื่อน ตั้งแต่ต้นทาง ยันปลายทาง ที่กำลังเป็นคลัสเตอร์วิกฤติในเวลานี้ เพราะก่อนหน้านี้ มีข้อมูลส่งตรงนายกฯ ถึงการปล่อยปละละเลย และมีเรื่องผลประโยชน์ของบางฝ่ายในการ “ออเดอร์แรงงานเถื่อน” จากรอบประเทศเข้ามา
สถานการณ์วันนี้ชัดเจนแล้วว่า “พี่น้อง 3 ป” ผนึกกำลังลุยจัดการปัญหาวัคซีนการเมือง ชนิดไม่เกรงใจใคร พรรคไหนที่เล่นเกมถอนตัว ก่อนที่กระแสวัคซีนโควิดจะตีกลับจนเอาไม่อยู่