นางงามหรืองามไส้! “น้ำ พัชรพร” มิสแกรนด์ 2020 ด่า “สลิ่ม” เป็นหมาหมู่ ไร้สมอง ป้อง “ณวัฒน์” “จตุพร” ฝาก “ไทยไม่ทน” กับ “บก.ลายจุด” ก่อนนอนคุกอีกรอบ หลุดว่อนโซเชียล! ฉีดวัคซีน “บุรีรัมย์” สูงลำดับ 6 ทั้งที่ป่วยน้อยนิด
น่าสนใจเป็นอย่างยิ่ง วันนี้ (8 ก.ค. 64) เพจเฟซบุ๊ก THE TRUTH โพสต์ประเด็น “นางงามห้าวโผล่อีก ลืมมงกุฎที่สวม? “น้ำ พัชรพร” มิสแกรนด์ 2020 ปากพล่อย เหยียด สลิ่ม เป็นหมาหมู่ ไร้สมอง ซ้ำไล่เข้ากองเพลิง!?”
โดยเนื้อหาระบุว่า “หลังจากก่อนหน้านี้ “น้ำตาล ชลิตา” มิสยูนิเวิร์สไทยแลนด์ 2559 ออกมาแสดงความเห็นต่อเหตุการณ์ไฟไหม้ “บริษัท หมิงตี้เคมิคอล จำกัด”
ด้วยการทวีตข้อความในบัญชี @Namtanlita24 ระบุว่า “อยากเอาสลิ่มมาเผาในกองเพลิงมาก รก” “เดี๋ยวก็จะมาบอกว่าถึงกับเผากับฆ่ากันเลยเหรออีกคอยดูนะ” “เผาก็กลัวอากาศเป็นพิษอีก ตายยาก”
จนโพสต์นี้ ถูกรีทวีตจำนวนมาก และมีการวิพากษ์วิจารณ์ถึงความไม่เหมาะสม เพราะครั้งหนึ่งน้ำตาลเคยออกมาหนุนม็อบ 3 นิ้ว และบอกว่าไม่ควรใช้ความรุนแรง แต่วันนี้เจ้าตัวกลับโพสต์ส่อเสียดไปในทางไม่ดี ทำให้มีการตั้งคำถามถึงความเหมาะสมในการเป็นนางงามด้วย
ล่าสุด มีกรณีนางงาม จากเวทีมิสแกรนด์ ที่มี นายณวัฒน์ อิสรไกรศีล เป็นผู้ร่วมก่อตั้ง ซึ่ง “น้ำ พัชรพร จันทรประดิษฐ์” ผู้ชนะมิสแกรนด์ 2020 ออกมาเคลื่อนไหว ด่าทอในทำนองเหยียดคนเห็นต่างทางการเมือง และบอกว่า สลิ่มควรเข้ากองเพลิง แบบที่น้ำตาลบอก
โดยเขียนข้อความผ่านเฟซบุ๊ก ว่า “สลิ่ม คุณลักษณะคือ มีมือมีตีนคล้ายคน แต่ไม่มีสมอง อยู่กันเป็นหมาหมู่ ขี้ขลาด ชอบอ้างว่า รักชาติ อ่อมีผ้าโพกหัวด้วย 555 #รับไม่ได้แนะนำเดินเข้ากองเพลิงอย่างที่เจ้น้ำตาลบอก #รกโลก!!!”
ยังมั่นหน้ามาถามว่า “ยังเชื่อใจในรัฐบาลมั้ย?” เป็นคำถามที่ไม่ต้องใช้สมองคิดเลยค่ะ แค่มีกีพร้อมกีบก็ตอบได้แหละจ๊ะ #ฉิบหายแก้ไขไม่ตรงจุดทุกวันนี้เพราะใคร #รัฐบาลที่ขับเคลื่อนด้วยแรงด่า
ทั้งนี้ การเคลื่อนไหวของ “น้ำ พัชรพร” มิสแกรนด์ 2020 เจ้าตัวได้ออกมาปกป้องคนที่เข้ามาด่า ณวัฒน์ อิสรไกรศีล หลังจากติดเชื้อโควิด-19 โดยก่อนหน้านี้ ณวัฒน์ ออกมาโพสต์ทวงถาม 3 ดาราดัง ที่มีการโพสต์ทำนองต่อว่าคนแพร่เชื้อโควิดให้วงการบันเทิง จนทำให้หลอนกันไปหมด ทั้งๆ ที่คนอื่นดูแลรักษาตัวเองดี แต่ต้องมาเดือดร้อนเพราะคนไร้จิตสำนึก ว่า หมายถึงผมใช่ไหม ? แต่ไร้คำตอบจากทั้ง 3 คน
โดยน้ำได้ไลฟ์สดแล้วตอบโต้ถึงประเด็นนี้ด้วยว่า “ตอนนี้มันลำบากไปหมด งงนะ คนบันเทิงที่ออกมาด่ากัน ตั้งผิดจุดประสงค์ไปหมด มันทำให้ด่ากันเอง โง่แล้วค่ะ บอกเลย มันสมควรจะด่าใครอะ สมควรจะด่าใครมีสมองคิดไหม ทุกคนรอ ตายไปแล้วตั้งกี่ศพ ตายวันละ 60 ติดเชื้อ 6,000 คิดว่าสมควรด่าใคร คนที่ถืองบประมาณ กูไหม ณวัฒน์ อิสรไกรศีล เป็นคนถืองบประมาณของประเทศไหม ถามหน่อย สามารถเป็นคนถือเอกสาร เซ็นใบซื้อไฟเซอร์ โมเดอร์นา ให้ได้ไหม ไม่ได้ เราทำอะไรไหม ไม่ได้ค่ะ แล้วพวกที่เป็นกะทิบูด ถ้าวันไหนได้ไฟเซอร์ โมเดอร์นา มึงอย่าเสือกเสนอหน้าไปฉีดนะ มึงฉีดของที่มึงรักมึงหลงไปค่ะ ซิโนแวคฉีดไป และที่สำคัญ ไม่อยากให้ไปทักหา ณวัฒน์ แล้ว ตอนนี้พี่เขาไม่มีเสียง ไม่สบาย ให้แกได้พักผ่อน”
อย่างไรก็ตาม ทางด้านเพจเฟซบุ๊ก ศชอ. ได้ตั้งคำถามถึงพฤติกรรมนางงามคนนี้ โดยระบุว่า “ทำไมต้องก้าวร้าว พูดจาหยาบคายออกสื่อสาธารณะแบบนี้” จนมีกระแสวิพากษ์วิจารณ์ว่า ไม่อยากจะเชื่อว่า นี่คือนางงาม เดี๋ยวนี้เป็นอะไรไปหมด ทำไมต้องหยาบคาย พฤติกรรมไม่ไหว อยากให้ ศชอ. จัดการด้วย มีกฎหมายปรามได้หรือไม่ ทำไมเขาถึงด่าโดยไม่สนมงกุฎที่สวมใส่เลย บ่งบอกว่าไม่ได้มีความสวยงามจากภายในเลยด้วยซ้ำ และทางด้านอดีตทูตนริศโรจน์ เฟื่องระบิล ยังได้เตือนสตินางงามไว้ด้วยว่า ต้องมีปิยวาจา ทำอะไรต้องนึกถึงมงกุฎที่สวม ไม่งั้นเป็นได้แค่นางงามไส้”
ขณเดียวกัน เพจเฟซบุ๊ก THE TRUTH ก็ได้โพสต์ประเด็น “หลุดว่อนโซเชียล!! เอกสารฉีดวัคซีน “บุรีรัมย์” สูงติดอันดับ 6 ของประเทศ ทั้งที่ผู้ติดเชื้ออยู่ในโซนสีเขียว ย้อนคำพูด “อนุทิน” ลั่นไม่เคยเลือกถมวัคซีน!?”
เนื้อหาระบุว่า “หลังจากมีประเด็นเรื่องสถานการณ์โควิด-19 ที่มีผู้ติดเชื้อมากขึ้นในพื้นที่ กทม. และปริมณฑล ซึ่งวันนี้ตัวเลขผู้ติดเชื้ออยู่ที่ 7,058 ราย และเสียชีวิต 75 ราย ท่ามกลางการทวงถามความคืบหน้าจากรัฐบาลในการเร่งฉีดวัคซีนในพื้นที่สีแดง ที่มีผู้ติดเชื้อจำนวนมาก เป็น 10 อันดับของประเทศ
ล่าสุด ได้มีเอกสารเปิดเผยการฉีดวัคซีนแต่ละเขต โดยพบว่า ในจังหวัดบุรีรัมย์ ที่ไม่ได้อยู่ในโซนสีแดง และมีผู้ติดเชื้อในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา ไม่เกิน 100 ราย ประชากรได้รับการฉีดวัคซีนแล้วกว่า 87,000 ราย ของซิโนแวค และฉีดวัคซีนจากแอสตร้าอีก 100 คน โดยระบุในเอกสารว่า เป็นช่วงเดือน พ.ค. 2564
หากย้อนไปดูสถิติตอนนั้น ในช่วงเดือน พ.ค. 64 ยกตัวอย่างวันที่ 10 พ.ค. 64 จะพบว่า จังหวัดบุรีรัมย์มีผู้ติดเชื้อเพียง 6 ราย ซึ่งสวนทางกับการฉีดวัคซีน จนมียอดสูงสุดอันดับ 6 ของประเทศไทย เมื่อเทียบกับ กทม. ที่เป็นพื้นที่สีแดง ยอดติดเชื้อสูง มีประชากรเยอะ ยังสามารถลุยฉีดวัคซีนได้ที่ 70,000 กว่าโดส
แน่นอนว่า จึงทำให้ประชาชนเกิดความเคลือบแคลงใจ ถึงการจัดสรรโควตาวัคซีน ว่าทำไมบุรีรัมย์ถึงได้ฉีดในจำนวนมาก
ทั้งนี้ พื้นที่บุรีรัมย์ ล้วนมีแต่ ส.ส.ที่ชนะการเลือกตั้งจากพรรคภูมิใจไทย มี นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข เป็นหัวหน้าพรรค ซึ่ง นายอนุทิน เคยออกมาปฏิเสธว่า ไม่ได้เลือกถมวัคซีนไว้ที่จังหวัดบุรีรัมย์ โดยระบุว่า
“ผมเป็น ส.ส.บุรีรัมย์ แต่ก็เป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุขของประเทศไทย ไม่ทำอะไรมักง่ายแบบนั้น เพราะทุกคนต่างก็รู้และจับจ้องอยู่แล้วว่าพื้นที่นั้นเป็นอย่างไร ถ้าทำแบบนั้นจริงๆ เท่ากับฆ่าตัวตาย การฉีดของบุรีรัมย์ไม่ได้แตกต่างจากจังหวัดอื่น”
ตอนนั้นผู้สื่อข่าวถามอีกว่า เพื่อความโปร่งใสตรวจสอบได้ สามารถจะเปิดเผยตัวเลขการจัดสรรวัคซีนไปยัง จ.บุรีรัมย์ ได้หรือไม่ นายอนุทิน กล่าวว่า ตนมีหน้าที่ในการดูระดับนโยบาย ไม่ได้มีหน้าที่ในการลงไปดูตัวเลขในรายจังหวัดขนาดนั้น จึงไม่ทราบ จนล่าสุดเกิดประเด็นเรื่องนี้ ที่มีการเผยแพร่ตัวเลขเอกสารการฉีดวัคซีนแต่ละเขตจังหวัด และบุรีรัมย์มีตัวเลขแตกต่างจากจังหวัดอื่นมาก…
นอกจากนี้ THE TRUTH ยังโพสต์ประเด็นข่าวด่วน! “จตุพร” ถูกศาลฎีกาพิพากษายืนให้นับโทษขังต่อ 12 เดือน และกรณีส่งไม้ต่อ “บก.ลายจุด” ดูแลม็อบ “ไทยไม่ทน” ต่อไป
โดยเรื่องคดี ระบุว่า “จากกรณีที่วันนี้ ศาลอาญา ถ.รัชดาภิเษก ศาลนัดฟังคำสั่งศาลฎีกา คดีดำ อ.4176/52 ที่นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ อดีตนายกรัฐมนตรี เป็นโจทก์ฟ้อง นายจตุพร พรหมพันธุ์ ประธานแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ หรือ นปช.เป็นจำเลยในความผิดฐานหมิ่นประมาท
จากเหตุการณ์เมื่อวันที่ 11 และ 17 ต.ค. 52 จำเลยได้กล่าวปราศรัยให้ประชาชนทั่วไปที่ฟังและชมผ่านการถ่ายทอดสด ทางช่องพีเพิล แชนแนล จนเข้าใจได้ว่า โจทก์เป็นอาชญากรสั่งฆ่าประชาชนอย่างเลือดเย็น สร้างสถานการณ์ ซึ่งล้วนเป็นเท็จทั้งสิ้น ทำให้โจทก์ได้รับความเสียหาย เสื่อมเสียชื่อเสียง ถูกดูหมิ่นเกลียดชัง
ทั้งนี้ ศาลฎีกาพิพากษายืนตามศาลอุทธรณ์ ให้นับโทษคดีที่สองต่อจากคดีเเรก เมื่อคดีเเรกถึงที่สุด โดยระหว่างนี้ศาลอาญาอยู่ระหว่างตรวจสอบว่า โทษต่อจากคดีเเรก ที่ให้นับต่ออีก 12 เดือน จะนับอีกเท่าไหร่
ขณะที่ นายจตุพร จะต้องเข้าไปอยู่ในเรือนจำ รับโทษตามกฎหมาย จึงทำให้มีการจับตาเรื่องม็อบไทยไม่ทน ที่นัดเคลื่อนไหวทางการเมือง โดยทราบว่า ในวันเสาร์ที่ 10 ก.ค. 64 เดิมทีจะมีการนัดรวมพลเคลื่อนไหว ขับไล่ พลเอก ประยุทธ์ แต่เมื่อนายจตุพรไม่อยู่ ก็จะให้มวลชนไปรวมตัวกับม็อบกลุ่มอื่นๆ ก็คือ ม็อบของนายสมบัติ หรือ บก.ลายจุด ที่เป็นลักษณะ Car Mob
ล่าสุด นายสมบัติ บุญงามอนงค์ หรือ บก.ลายจุด นักกิจกรรมทางการเมือง ได้โพสต์เฟซบุ๊กถึงกรณีดังกล่าว ว่า
“ไม่ว่าคุณจะคิดยังไงกับ จตุพร พรหมพันธุ์ เมื่อสักครู่เมื่อศาลตัดสินจำคุกคดีหมิ่นฯ นายอภิสิทธิ์ เขาโทร.มาหาผมและพูดว่า “พี่จำเป็นต้องเข้าคุกอีกรอบ ฝากภารกิจ (ไล่ประยุทธ์) ให้น้องดำเนินการต่อ ขอให้ประสบความสำเร็จ”
อ่านต่อได้ที่ลิงก์ : https://truthforyou.co/56061/?anm
และที่น่าสนใจไม่แพ้กัน เฟซบุ๊ก “เยาวชนปลดแอก-Free YOUTH” โพสต์ข้อความนัดชุมนุมในวันอาทิตย์ที่ 18 ก.ค. 2564
โดยระบุว่า #ม็อบ 18 กรกฎานี้ อาถรรพ์ 7 ปี หรือกลียุคมีแต่ความวิลัยเศร้าโศก นายกเขาว่าเป็นเรื่องบุญ-กรรม? ถึงเวลาทวงคืนอนาคต ทุกความสูญเสีย หยาดเหงื่อ หยดน้ำตา และเลือดทุกหยด จะต้องได้รับความยุติธรรม ถึงเวลา ลุกขึ้นสู้ โปรดติดตามนัดหมายสำคัญอย่างใกล้ชิด
ทั้งนี้ กลุ่มเยาวชนปลดแอก ยังโพสต์รำลึกในการก่อตั้งกลุ่มมา 1 ปี ในวันที่ 18 ก.ค.นี้ ด้วย
อย่างไรก็ตาม พบว่า ตอนนี้มี 2 แกนนำทางฝั่งกลุ่มราษฎร คือ ทนายอานนท์ นำภา และ ไมค์ ภาณุพงศ์ ที่ได้โพสต์ปลุกระดมให้กลุ่มมวลชนออกมารวมตัว และประกาศจุดยืนว่าจะขับไล่ พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี
แน่นอน, ประเด็นที่น่าสนใจก็คือ ความขัดแย้งของคนในสังคมที่นับวันรุนแรง จนไม่นับญาติ นับเพื่อนร่วมประเทศกันแล้ว แถมยังพร้อมที่จะโยนเข้ากองไฟอย่างไม่มีเยื่อใยอีกต่อไป
หลายคนถามถึงปัญหาการจัดการวัคซีนของรัฐบาลที่ไม่ทั่วถึง ทันการณ์ จนมีคนตายจำนวนมากในแต่ละวัน เพราะมีผู้นำอย่าง “ประยุทธ์” ว่ามาถึงจุดนี้ได้อย่างไร
เรื่องความแตกแยกแบ่งฝ่าย ก็น่าจะถูกตั้งคำถามว่า มาถึงจุดนี้ได้อย่างไรเหมือนกัน ลองคิดดูให้ดี
อีกประเด็น คือ กรณีเอกสารหลุดว่อนโซเชียล ว่า จังหวัดบุรีรัมย์ มียอดฉีดวัคซีนสูงเป็นอันดับ 6 ของประเทศ แม้ว่า ยอดผู้ติดเชื้อไม่มาก เรื่องนี้ถือว่า ตบหน้า “เสี่ยหนู” ฉาดใหญ่ทีเดียว เพราะเคยประกาศจะไม่ถมวัคซีนไปที่บุรีรัมย์เอาไว้แล้ว
รวมทั้ง หนีไม่พ้น ถูกกล่าวหาว่า เพื่อผลประโยชน์ทางการเมืองอย่างไม่มีทางหลีกพ้น เพราะอย่าลืมว่า เรื่องนี้เป็นประเด็นอ่อนไหวอย่างมาก เพราะยังมีอีกหลายพื้นที่ที่มีความเสี่ยงมากกว่า แต่ได้รับการฉีดวัคซีน้อยกว่าจังหวัดบุรีรัมย์ และถ้าเอกสารที่หลุดออกมาเป็นของจริง อย่าว่าแต่นายอนุทินและพรรคภูมิใจไทยจะถูกไม่ไว้วางใจเลย ยังอาจเกิดปัญหาความแตกแยกในพรรคร่วมรัฐบาลอีกด้วย เพราะอย่าลืมว่า ในพื้นที่ของหลายพรรคการเมือง ต่างก็ไม่ได้วัคซีนอย่างทั่วถึง แต่พอเกิดเรื่องพรรค์นี้ขึ้น ก็ต้องถือว่า อยู่ร่วมกันลำบาก และอาจทำให้รัฐบาลพังได้เหมือนกัน เรื่องนี้จึงนับว่าน่าจับตามอง
หรือว่า ทำไปทำมา แม้ว่าม็อบจะทำอะไร “ประยุทธ์” ไม่ได้ แต่อาจอยู่ที่รัฐบาลประยุทธ์ นั่นเอง ที่จะสะดุดขาตัวเองล้ม อย่างที่หลายคนวิเคราะห์ไว้ ก็ไม่แน่เหมือนกัน!?